... เวลาจะเยียวยาทุกสิ่งเอง"
บางครั้งการได้รู้สึกหลุดพ้นจากบางสิ่งบางอย่างนั้น เป็นความรู้สึกที่ดีและเป็นสิ่งที่ฉันตามหาอยู่ในทุกช่วงของเวลา แค่การได้อยู่อย่าง หลุดพ้น ไร้พันธะ ได้ทำสิ่งที่ไม่ต้องกังวล ไม่ต้องมารู้สึกหรือคิดถึงกับผลที่จะเกิดและผลที่ตามมา... แค่นั้น นี้คือสิ่งที่ฉัน ปรารถนาอยู่มากในตอนนี้
" ปิดเทอม " เป็นสิ่งเดียวที่ทำให้รู้สึกว่าหลุดพ้นจริงๆนะ ฉันวางแผนไว้ว่าจะไม่เรียนซัมเมอร์ ฉันคำนวณการเก็บหน่วยกิจของแต่ละเทอมและแต่ละวิชาไว้แล้ว ฉันคิดว่าจะได้พบปะเพื่อนเก่าและได้เที่ยวเล่น และทำสิ่งที่อยากทำในช่วงปิดเทอม ทุกอย่างกำลังจะเป็นจริงในอีกไม่กี่สัปดาห์ ฉันใกล้จะปิดโปรเจ็คได้แล้ว หลังจากปิดโปรเจ็คนี้ ฉันจะก็จะปิดเทอม แม้ว่างานในโปรเจ็คจะไม่ได้ทำด้วยความรู้สึกที่อยากทำเท่าไรเลย ในเมื่อใจมันไม่ได้อยู่กับโปรเจ็คแล้ว ทุกอย่างถูกทำให้มันจบๆไป แล้วการพรีเซ้นและสอบก็ทำให้จบๆไปเช่นกัน แม้จะรู้ว่างานไม่ดี สอบทำไม่ค่อยได้เท่าที่คิด แต่จะตัดจบแล้ว ทุกอย่างก็ช่างมันเถอะ พรุ่งนี้ฉันก็ปิดเทอมแล้ว.... ภายใต้ความเป็นจริงฉันยังต้องตามมาส่งงานที่เหลือ มันเป็นงานเล็กๆน้อยๆฉันไม่ได้รู้สึกว่ามันจะกินเวลาการทำงานเยอะ ไม่ได้หนักหนาสาหัส ฉันจึงบอกแม่ว่าฉันดูแลบ้านแทนเขาได้ ไม่ต้องห่วง.... นั้นเป็นสิ่งที่ฉันคิดผิดจริงๆ
แถวบ้านฉันมีลูกแมวดำตัวหนึ่ง มันชอบเข้ามาเล่นในบ้านและซนมาก มันเกาะแกะและปีนปายทุกสิ่งทุกอย่างในบ้าน จนของใช้บ้างส่วนเป็นรอยเล็บของมัน แต่พ่อของฉันกับชอบมันมากและเล่นกับมันอยู่ตลอดเวลา เนื่องจากที่มันซนมากฉันจึงไม่ให้มันนอนในบ้าน แต่พ่ออยากให้มันนอน สุดท้ายคืนนั้นฝนตก เช้ามามันป่วยและนอนซมในบ้านฉันทั้งวัน นั้นทำให้ฉันรู้สึกผิด ฉันจึงให้มันนอนในบ้านคืนนี้ รุ่งขึ้นมันถ่ายเรี่ยราดฉันจึงให้มันนอนนอกบ้าน ถึงแม้พ่อจะอยากให้มันนอนแค่ไหนฉันก็ให้เหตุผลว่า คนที่สนุกคือพ่อ แต่คนรับผิดชอบคือฉัน ต่อๆมามันก็ยังคงร่าเริงแหละกลับเข้ามาเล่นบ้านฉันเหมือนเดิม แต่เย็นวันนี้มันป่วยแล้วดูอาการหนัก ฉันจึงให้มันนอนในบ้านด้วยความสงสารมันบวกกับความรู้สึกไม่อยากให้ตาย เพราะส่วนใหญ่ลูกแมวถ้าป่วยมักจะตาย เช้าถัดมา ฉันตื่นขึ้นมาเห็นกองอ้วกไปทั่ว ฉันตามเก็บกองอ้วกมันไม่ไว้เพราะฉันมีงานที่ต้องส่งและต้องทำความสะอาดบ้าน ถึงมีพี่สาวแต่ก็ไม่ได้แบ่งเบาภาระฉันเท่าไรมากหนัก ฉันตั้งตาทำงานที่ต้องส่งอยากเคร่งเครียดและไม่ได้ใส่จนลูกแมว และการทำความสะอาดบ้าน จนฉันทนกับความสกปรกของบ้านไม่ไหว ฉันจึงต้องล่ะถึงงานที่ยังทำไม่เสร็จมาจัดการทำความสะอาดบ้านตัวเอง บ้านตอนนี้ทั้งเหม็นและสกปรก ฉันไล่ตามเก็บกองอ้วกและกวาดถูบ้าน ในตอนนั้นฉันได้กลิ่มเหม็นอยู่ตลอดเวลาแม้ฉันจะเก็บกองอ้วกกับถูพื้นแล้วก็ตาม มันทำให้ฉันหลอนและเริ่มตามหากลิ่นนั้น จนมารู้ว่ามันถ่ายใส่กระเป๋าฉันและถ่ายเลอะที่นั่งอีกด้วย ใจฉันนะตอนนั้นทั้งโมโห ทั้งโกธร อารมณ์ทุกอย่างมันถูกตีขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ฉันโทรไปปรึกษากับแม่เรื่องแมว และกระเป๋าของฉัน ฉันอยากทิ้งกระเป๋า แต่แม่กลับตอบมาว่า ไม่ต้องเดี๋ยวแม่กลับไปจัดการให้ ตอนนั้นน้ำตามากองอยู่ที่ขอบตาของฉัน ฉันร้องไห้ออกมา และมากขึ้น ฉันวางสายแม่และเริ่มร้องไห้หนักขึ้น ฉันไม่ได้ร้องที่แมวมันถ่ายใส่กระเป๋า หรือร้องที่ฉันต้องมาเก็บอึมัน แต่ที่ฉันร้องเพราะสิ่งที่เกิดขึ้น สิ่งที่ฉันเจอ แม่ฉันไม่ควรต้องมารับผิดชอบ ในใจฉันมีคำถามเกิดขึ้นนี้ความผิดใคร ใครควรรับผิดชอบกับสิ่งที่ฉันเจอ ฉันอยากจะวิ่งออกไปจากสถานะการณ์ตรงนี้ ฉันพยายามหาคนผิดของเรื่องนี้ พยายามทบทวนทุกเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น
" พ่อฉันผิดที่อยากเลี้ยงมันไว้แต่ตัวเองไม่ได้เป็นคนดูแลมัน "
" ผิดที่พี่ฉันที่ไม่คิดจะแบ่งเบาภาระงานบ้านบ้างส่วนจากฉัน "
" ผิดเพราะแม่ที่ไม่อยู่บ้านในช่วงเวลานี้ "
" ผิดที่แมวมันมาป่วยในช่วงนี้ "
" ผิดที่ฝนดันตกในวันนั้น "
หรือ " เป็นเพราะฉันเองที่เป็นคนผิดตั้งแต่แรก " หรือ "เพราะว่าเรื่องนี้ไม่มีใครผิดเลย "
จากทั้งหมดที่ฉันได้คิด ฉันถอยหลังมาหนึ่งก้าว เริ่มเข้าใจอะไรมากขึ้น ทุกอย่างที่เกิดขึ้นนั้นล้วนเป็นเหตุการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดขึ้น ทุกคนล้วนเป็นคนลงมือก่อเหตุด้วยกัน แต่ฉันดันเข้าไปอยู่ในช่วงเวลาที่ตัดสินใจ และเป็นคนที่ต้องรับผลที่ตามมาจากการตัดสินใจ ฉันร้องไห้และเริ่มโทรไประบายกับเพื่อน ใช้เวลาพอสมควรในหารปรับสภาพอารมณ์ตอนั้น มันรู้สึกดีขึ้นและสงบ ฉันไม่ได้โทษว่านี้เป็นความผิดใคร ถ้าฉันไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์นี้ แต่เป็นคนอื่น เขาก็คงรู้สึกเหมือนฉัน ฉันทำความสะอาดและทำงานต่อ พร้อมกับดูมันเป็นระยะๆ มันดูโอเคขึ้น ฉันพยายามเอาน้ำให้มันกิน แต่มันไม่กิน มันคงโกธรฉัน มันเดินออกไปนอกบ้านแล้วไม่กลับมาอีกเลย ฉันไม่ได้ไปตามให้มันกลับมานอนในบ้าน พ่อฉันตั้งใจว่าจะพามันไปหาหมอพรุ่งนี้ แม่เลยบอกถ้าพรุ่งนี้มันกลับมา ค่อยพาไปหาหมอ.... วันต่อว่ามันก็ไม่ได้มาบ้านฉัน จนพ่อฉันไปพบว่ามันนอนตายแล้ว ใจฉันนั้นไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่พ่อพูด ฉันทำตัวปกติไม่ได้แสดงสีหน้าอย่างไรต่อทำความสะอาดบ้าน แต่ในใจฉันมันรู้สึกแย่ไปหมด เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันตีกันไปหมด ฉันร้องไห้และเริ่มโทษตัวเองที่เป็นเพราะฉัน มันเลยป่วย เพราะฉันมันเลยตาย ฉันไม่ได้ระบายเรื่องที่มันตายกับเพื่อน แต่ฉันมาย้อนคิดอีกครั้งแล้วเลิกโทษตัวเอง ทุกคนในบ้านต่างบอกว่าสงสารมันที่มันจากไปเร็ว แต่แม่ฉันกลับบอกว่าดีแล้วที่มันได้หลุดพ้นจากทุกสิ่งที่อยู่ตรงนี้ เมื่อเวลาผ่านไปมันก็จะกลายเป็นความทรงจำที่หลงเหลือไว้ตามสิ่งของที่อยู่ในบ้านนี้ ความทรงจำที่เริ่มขึ้นในช่วงปิดเทอม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น